Romeo Akbar Walter (2019) สามารถดูได้ใน Netflix
• นอกเหนือไปจาก เกาหลีใต้-เหนือ และ อิสราเอล-ปาเลสไตน์ หนังแนวสายลับอินเดีย-ปากีสถานก็สามารถโลดแล่นด้วยวัตถุดิบความตึงเครียดที่เข้มข้นได้เหมือนกัน
• หนังมีจุดพลิกผันช่วงท้ายที่เซอร์ไพรส์เหมือนกัน
• วัตถุดิบของหนังจัดว่าดี เสียแค่การเล่าออกมาทื่อและไม่ลึกอย่างที่ควรจะเป็น มีความพยายามสร้างฉากลุ้นระทึกอยู่บ้าง แต่โดยรวมมันราบเรียบไปหน่อย
• หนังอินเดียย่อมอวยชาติตัวเองแน่นอนอยู่แล้ว
-------------------------------------
ในช่วงปีค.ศ. 1971 หน่วยข่าวกรองของอินเดียกำลังหาตัวสายลับเข้าไปแฝงตัวใกล้ชิด 'อาฟริดิ' พ่อค้าอาวุธชาวปากีสถาน พวกเขาเล็ง 'โรมีโอ' นายธนาคารคนหนึ่งเอาไว้ โดยจัดฉากปล้นธนาคารเพื่อทดสอบขั้นสุดท้าย และโรมีโอก็ผ่านการทดสอบโดยไม่รู้ตัว หลังผ่านการฝึกสายลับ หน่วยข่าวกรองได้สร้างตัวตนใหม่ให้โรมีโอ ในชื่อ 'อัคบาร์ มาลิก' เป็นพนักงานโรงแรมที่อาฟริดิกำลังจะเข้าพัก แน่นอนว่าเขาต้องเริ่มตีสนิทจนได้รับความไว้วางใจให้ทำงานใกล้ชิดอาฟริดิ ก่อนจะได้มาซึ่งข่าวกรองชิ้นใหญ่คือแผนการโจมตีบัดลิปุระทางอากาศ
.
ในแง่ความเป็นหนังสายลับ มันก็มีทุกอย่างที่ควรจะมีครบถ้วน เสียแค่ไม่ได้ลงลึกสักอย่างจนขาดจุดเด่นหรือจุดน่าจดจำให้แตกต่างจากหนังแนวเดียวกัน มันก็เริ่มต้นที่การฝึกขั้นพื้นฐานที่ไม่ได้โชว์อะไรมากไปกว่าการแสดงทักษะของตัวละครที่อยู่ดี ๆ ก็เก่งและมีความช่างสังเกตขึ้นมาเฉยเลย ช่วงตีสนิทเข้าถึงตัวเป้าหมายก็ดูรวบรัดเกินไป ยังดีว่าช่วงพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างอัคมาร์กับอาฟริดิในเชิงพ่อลูกทำได้ดีทีเดียว อย่างน้อยก็ดูแล้วเชื่อว่าอาฟริดิได้ลูกชายในแบบที่เขาคาดหวัง
.
ส่วนปฏิบัติการภารกิจรับส่งข้อมูล เอาจริงก็คอนเทนต์ทั่วไปของแนวสายลับตามมาตรฐาน มีอัคบาร์เป็นตัวสอดแนมหาข้อมูล ก่อนจะส่งต่อให้พันธมิตรที่แฝงตัวเป็นขอทาน หรือส่งรหัสมอร์สกลับประเทศด้วยเครื่องรับส่งข้อมูลของโซเวียต ขั้นตอนภารกิจมันดูง่ายไปหน่อย ไม่ค่อยมีจังหวะได้ลุ้นบีบหัวใจ ไฮไลท์มีแค่ตอนติดเครื่องดักฟังในห้องทำงานที่น่าจะตื่นเต้นสุดแล้ว ส่วนขั้นตอนที่เหลือก็ลุ้นกันไปในเชิงชิงเหลี่ยมข่าวกรอง เพราะฝั่งปากีสถานก็มีสับขาหลอกไหวตัวทันเหมือนกัน หนังมันไม่ได้สนุกตอนชิงเหลี่ยม แต่ลุ้นในการเฝ้ามองพัฒนาการของอัคบาร์ ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายสำเร็จหรือไม่
.
และจุดพลิกผันในช่วงท้ายก็เป็นอะไรที่คาดไม่ถึงเหมือนกัน เขาถึงว่าต้องตีความคำพูดเยอะ ๆ แล้วใช้สัญชาตญาณตัวเองตัดสิน
Director: Robbie Grewal
screenplay: Robbie Grewal, Shreyansh Pandey
Genre: drama, thriller
7/10